ขอประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับโครงการสัมฤทธิบัตร

โครงการสัมฤทธิบัตร เป็นโครงการที่ให้บริการทางวิชาการแก่สังคม โดยเปิดโอกาสการเรียนรู้ตามอัธยาศัยและตลอดชีวิตแก่ทุกคน โดยไม่จำกัดอายุและวุฒิการศึกษา แม้ไม่สำเร็จการศึกษาระดับใดก็ได้ เพื่อเพิ่มความรู้และทักษะทางวิชาการและวิชาชีพ นำความรู้ที่ได้รับไปพัฒนาคุณภาพชีวิต และเพื่มประสิทธิภาพในการทำงาน

โดยนำเอาชุดวิชาที่เปิดสอนในหลักสูตรปริญญาตรีทั้ง 12 สาขาวิชาของมหาวิทยาลัยประมาณ 250 ชุดวิชา 2 รายวิชา เลือกเรียนได้ครังละ 1-3 ชุดวิชา/รายวิชา เมื่อสอบผ่านชุดวิชาและรายวิชาใด จะได้รับใบสัมฤทธิบัตรรับรองความรู้ และสามารถโอนชุดวิชาที่สอบผ่านเข้าในหลักสูตรการศึกษาระดับปริญญาตรีของ มสธ. ได้

อยากจะเชิญชวนน้องๆร่มไทรที่สนใจ หรือบุคลทั่วไป ที่สนใจ จะเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีของมหาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช  ขอเชิญชวนเข้าสู่ โครงการเรียนล่วงหน้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการสัมฤทธิบัตร สามารถเรียนควบคู่ไปกับการเรียนในชั้นปกติ เพื่อเป็นการเสริมองค์ความรู้ระหว่างเรียนและใช้เวลลาว่างให้เป็นประโยชน์

การรับสมัครเรียน เปิดโอกาสให้เลือกเรียนได้ตลอดทั้งปี ปีละ 4 ครั้ง (4 รุ่น) ในปี 2553มีดังนี้

ค่าใช้จ่ายในการศึกษา ชุดวิชาละ 800 บาท(ยกเว้นชุดวิชาที่มีค่าวัสดุการศึกษาเพิ่มเช่น ซีดี ดีวีดีหรือเอ็มพี3 ประจำชุดวิชานั้นๆ)

ชุดวิชาที่จะขอแนะนำ เพื่อจะสามารถนำชุดวิชาที่สอบผ่าน ไปเทียบโอนเข้าได้ทุกสาขาวิชา ขอแนะนำหมวดวิชาศึกษาทั่วไป ชุดวิชาทักษะชวิต ชุดวิชาภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร ชุดวิชาไทยศึกษา ชุดวิชาอารยธรรมมนุย์  ชุดวิชาสังคมมนุษย์ ส่วนการเที่ยบโอนไปยังสถาบันการศึกษาอื่นๆ เรื่องนี้ต้องสอบถามกับทางมหาลัยเอาเอง

สามารถสอบถามได้ที่ ศูนย์สารสนเทศ โทร. 0 2504 7788 หรือเข้าไปดูรายละละเอียดเพิ่มเติมที่ เว็บไซต์ www.stou.ac.th เลือกโครงการสัมฤทธิบัร

ขอเพิ่มเติมอีกหน่อย

อยากฝากน้องๆเอาไว้ว่า ในการแชทหรือเขียนแสดงความคิดเห็นในบอร์ดต่างๆ พยายามเขียนภาษาไทยให้ถูกต้อง มันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก หากเราเขียนผิดๆถูกๆละก็ มันจะเกิดเป็นความเคยชิน แล้วผลที่ไม่คาดคิดจะเกิดตามมา

ยกตัวอย่างเช่นพี่ ในการศึกษาในชุดวิชา ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร หรือว่าไทยศึกษา ก็จะมีทั้งหนังสือให้อ่านและยังมีกิจกรรมให้ทำ (กิจกรรมคิดเป็นร้อยละ20ถือว่าเป็นคะแนนช่วย จะมีเป็นบางวิชาคะแนนอีกร้อยละ80ก็อยู่ที่การสอบ)ส่วนกิจกรรมในที่นี้ก็คือ จะเป็นลักษณะของคำถามเป็นข้อๆ แล้วให้เราตอบตามประสบการณ์ที่มีหรือค้นคว้าจากหนังสืหรือแหล่งความรู้อื่นๆก็ได้ โดยจะต้องเขียนด้วยลายมือเท่านั้น ปัญหาของพี่ก็เริ่มเกิดขึ้น นอกจากตัวหนังสือจะห่วยเขียนเหมือนไก่เขี่ยแล้วยังใช้คำถูกๆผิดๆ ทำให้ต้องมานั่งคัดลายมือใหม่ยังกะเด็กประถมแหนะและต้องแก้ไขอยู่หลายรอบกว่าจะส่งงานไปยังมหาลัยได้ ก็เล่นแทบแย่ (หากว่าพี่ส่งทั้งที่เขียนแย่แบบนั้นมีหวังคะแนนไม่ถึง10แน่เพราะคนตรวจอ่านไม่รู้เรื่อง)นี่แหละคือผลแห่งความเคยชิน จากนั้นเป็นต้นมาพี่เลยตั้งใจว่าจะเขียนให้ถูกต้องมากที่สุด 

พอดีได้ยินข่าวนี้มาก็เลยเอาข่าวมาฝาก

อย่างที่รู้ๆกันว่า ในปัจจุบันสถาบันการศึกษาของไทยมีมากมายเหลือเกินผุดขึ้นมายังกะดอกเห็ด เพื่อตอบสนองความต้องการของเด็กๆที่อยากได้ใบปริญญา หรืออาจจะจัดตั้งขึ้นมารองรับจากความผิดหวังของเด็กที่ไม่สามารถสอบเข้ามหาลัยที่มีชื่อเสียงได้ ดังนั้นสถาบันหลายแห่งก็ได้คุณภาพตามเกณฑ์มาตฐานของกระทรวงศึกษาธิการ บางแห่งก็ไม่ถึงหลักเณฑ์ที่กำหนด

เลยมีการประมาณตัวเลขของนักศึกษาที่จะจบออกมา 300,000 กว่าถึงเกือบ 400,000 คนต่อปี(ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาคาดการณ์ไว้ปีนี้หรือในอนาคต)แต่ว่าในปีหนึ่งๆนั้น ตลาดแรงงานมีตำแหน่งรองรับเพียง 100,000 กว่าตำแหน่งเท่านั้นเอง ดังนั้นในส่วนที่เหลือก็คงต้องเดินเตะฝุ่นไปก่อน

หากใครที่กำลังมองหาที่เรียนต่อ ก็คงจะต้องเลือกให้ดีว่า สายที่เราเรียนอยู่มีตลาดรองรับหรือไม่ ส่วนใหญ่ตลาดต้องการคนที่มีทักษะฝีมือจริงๆ และความรู้ที่แน่น อย่างเช่น คนที่จบมาทางด้านการบัญชี หรือคอมพิวเตอร์ แรงงานเหล่านี้ยังเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่

ในบางครั้งคนที่ได้รับใบปริญญาจากมหาลัยที่มีชื่อเสียง ก็ไม่สามารถการันตีได้ว่าคุณจะได้งานเสมอไป เพราะตลาดเเรงงานเขามองว่าคุณมีความรุ้ มีทักษะด้านการทำงานแค่ไหน

พี่เลยอยากจะฝากให้น้องๆให้ตั้งใจศึกษาหาความรู้ให้เต็มที่ อย่าเรียนเพราะคิดว่า จะเอาแค่วุฒิหรือใบปริญญาเท่านั้น

ขอเพิ่มเติมนิดหน่อย น้องบางคนอาจจะยังไม่เข้าใจ "คำว่าสาขาวิชากับชุดวิชา"

คำว่า "สาขาวิชา" หากเปรียบเทียบกับมหาลัยอื่นก็หมายถึงคณะที่เราเลือกเรียนนั่นเอง เป็นต้นว่า ทางมสธ.เรียกคณะที่เรียนว่า สาขารัฐศาสตร์ สาขาศิลปศาสตร์ ที่อื่นเขาจะเรียกว่า คณะรัฐศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์

ส่วนคำว่า "ชุดวิชา" ก็หมายถึงวิชาที่เราลงทะเบียนเรียนนั่นแหละ เพียงแต่มันแตกต่างกันตรงที่ วิชาที่เรียนก็จะมีหนังสืออยู่เล่มเดียว และมีค่าหน่วยกิตเพียง 3 หน่วยต่อหนึ่งวิชา

ส่วนชุดวิชาของมสธจะมีค่าหน่วยกิต 6 หน่วยต่อหนึ่งชุดวิชา โดยจะแบ่งเนื้อหาที่เรียนออกเป็น 15 หน่วย หนังสือที่ได้รับจะมีอยู่สองเล่ม เล่มแรกหน่วยที่ 1-7 เล่มที่สอง 8-15 ทั้งสองเล่มจะมีเนื้อหาที่เกี่ยวกับวิชานั้นๆ